นายวิเชียร เอมประเสริฐสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด
"ปัจจุบัน โรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ ฉะเชิงเทรา มีกำลังการผลิตรวม 240,000 คัน/ปี ซึ่งเต็มกำลัง 2 กะ ผลิตรถยนต์นั่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โตโยต้า วีออส โดยส่วนหนึ่งจะแบ่งกำลังการผลิตให้กับโตโยต้า คัมรี่ด้วย ปัจจุบัน การแข่งขันในตลาดรถยนต์นั่งระดับ บี-คาร์ ไม่ได้รุนแรง เนื่องจากมีความต้องการสูงกว่ากำลังการผลิต ค่ายรถยนต์แต่ละรายก็ต้องเร่งผลิตให้ทันกับความต้องการ เพราะลูกค้าพร้อมจะเปลี่ยนไปจองรถค่ายอื่น หากต้องรอนานเกิน 2 เดือน"
สำหรับโตโยต้า วีออส เปิดตัวครั้งแรกในปี 2540 โดยใช้ชื่อรุ่น โซลูน่า จากนั้นในปี 2545 ได้พลิกโฉมจาก โซลูน่า สู่เจเนอเรชันที่ 2 โดยใช้ชื่อรุ่นว่า โซลูน่า วีออส ที่ทำให้โตโยต้าสามารถครองอันดับ 1 ในตลาดรถยนต์นั่งและยังขยายความนิยมด้วยการส่งออกจำหน่ายยังตลาดในแถบอาเซียนโดยรุ่นปัจจุบันนับเป็นเจเนอเรชันที่ 3 ใช้ชื่อรุ่นว่า วีออส ที่แนะนำเข้าสู่ตลาดในเดือนมีนาคม 2550 ล่าสุดได้แนะนำรุ่นปรับปรุงโฉมภายใต้คอนเซ็ปต์ Make It Happen ในเดือนมีนาคม 2553 และมี โจ - ภาณุพล เอกเพชร และ ว่าน - ธนกฤต พานิชวิทย์ มาเป็นพรีเซนเตอร์โดยยอดขายรวมทั้ง 3 เจเนอเรชันมีกว่า 500,000 คัน"
นายวิเชียรกล่าวต่อไปว่า ทั้ง 3 เจเนอเรชันของวีออสนั้น สามารถสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้ตลาดรถยนต์เมืองไทยมาโดยตลอด ซึ่งโตโยต้าได้เล็งเห็นถึงความนิยมที่มีมาอย่างต่อเนื่อง จึงได้เสริมบุคลิกวีออสให้หลากหลายยิ่งขึ้น โดยการแนะนำพรีเซนเตอร์สาว สวย สดใส ร่าเริงและเต็มไปด้วยบุคลิกของคนรุ่นใหม่เหมาะสำหรับวีออส คือ เต้ย - จรินทร์พร จุนเกียรติ ที่จะเข้ามาเสริมภาพลักษณ์ร่วมกับ โจ และ ว่าน ในภาพยนตร์โฆษณาชุดล่าสุดที่จะออกอากาศช่วงปลายเดือนนี้
"เพื่อให้ลูกค้าและผู้ที่สนใจทุกคนได้สัมผัสวีออสอย่างใกล้ชิดจึงได้จัดกิจกรรมต่างๆมากมายทั่วประเทศ ภายใต้โครงการ VIOS We Love อาทิ VIOS We Love Festival ลุ้นช็อปปิ้งฟรี วีออสจ่ายให้ที่ห้างบิ๊กซี กิจกรรมกระจายไออุ่น ทำบุญด้วย "กอด" กิจกรรม VIOS We Love photo contest ประกวดภาพถ่ายคู่กับรถวีออสคู่ใจ คอนเสิร์ตใหญ่ส่งท้ายปี แคมเปญสุดพิเศษเพื่อให้เป็นเจ้าของวีออสได้ง่ายขึ้นแคมเปญพิเศษ ดอกเบี้ย 1.49% หรือ เลือกรับบัตรกำนัลอุปกรณ์ตกแต่งโตโยต้ามูลค่า 15,000 บาท หรือรับแคมเปญพิเศษ ดอกเบี้ย 0% นาน 12 เดือน ผ่อน 0 บาท ในเดือนแรกและไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน"
ด้านมาสด้าก็ออกมาเปิดเกมรุกด้วยการปรับโฉมใหม่ของมาสด้า 2 พร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อรุ่นเพื่อสร้างความแตกต่างและชัดเจนมากขึ้น โดยในแฮตช์แบ็ก 5 ประตู ใช้ชื่อรุ่นว่า "มาสด้า2 สปอร์ตใหม่" และในรุ่นซีดาน 4 ประตูใช้ชื่อรุ่นว่า "มาสด้า2 เอลิแกนซ์ใหม่" ซึ่งทั้ง 2 รุ่นได้เสริมความสปอร์ตรอบคันทั้งภายในและภายนอกรวมไปถึงใส่อุปกรณ์ต่างๆตั้งแต่รุ่นล่าสุดไปจนถึงรุ่นท็อปเคาะราคาเริ่มต้นในรุ่นใหม่ 545,000 - 695,000 บาท
นายโชอิชิ ยูกิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาสามารถทำยอดขาย 23,963 คัน คิดเป็นอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาและเพื่อกระตุ้นตลาดและต่อยอดความสำเร็จของรถยนต์ยอดนิยมในรุ่นมาสด้า 2 บริษัทจึงตัดสินใจปรับโฉมใหม่ของรถยนต์ในรุ่นดังกล่าวซึ่งคาดว่าจะทำให้ยอดขายของมาสด้า 2 เพิ่มขึ้นเป็น 26,000 คันและส่งให้ยอดขายรวมของมาสด้าในปีนี้เพิ่มขึ้นจากที่ตั้งเป้าไว้ในตอนแรกคือ 38,500 คัน เป็น 40,000 คัน
"ปัจจุบันเรามียอดจำหน่ายมาสด้า2ไปแล้วมากกว่า40,000คันนับตั้งแต่เปิดตัวเป็นต้นมาและรถมาสด้า2 ก็ช่วยส่งให้ยอดขายและภาพลักษณ์ของมาสด้าในประเทศไทยแข็งแกร่งยิ่งขึ้น รวมถึงการสร้างโชว์รูมทราฟฟิกให้กับดีลเลอร์เป็นอย่างมาก"
นางสาวสุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กล่าวว่า สำหรับแนวทางการตลาดของมาสด้า 2 ใหม่ ในครั้งนี้ จะถูกสื่อสารผ่านคอนเซ็ปต์การตลาดใหม่และแตกต่างกันอย่างชัดเจนทั้ง 2 รุ่นโดยรุ่นแฮตช์แบ็ก 5 ประตู จะใช้ชื่อรุ่นว่า "New Mazda2 Sports" พร้อมสโลแกน "สตาร์ทชีวิตอิสระ...กับตัวตนที่ท้าทาย" ส่วนรุ่นซีดาน 4 ประตู จะใช้ชื่อรุ่นว่า "New Mazda2 Elegance" ด้วยสโลแกน "หรูมีสไตล์...ดีไซน์ชีวิตได้อย่างใจ"
นอกจากนี้ยังเตรียมแผนการตลาดเชิงรุกเพื่อสร้างการรับรู้ในแบรนด์และความใหม่ของรถยนต์แต่ละรุ่นผ่านการสื่อสารการตลาดแบบครบวงจรซึ่งสื่อโฆษณาที่มาสด้าจะใช้นั้นก็มีครบทั้งสื่อออฟไลน์และออนไลน์ ได้แก่ โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร เคเบิลทีวี สื่อออนไลน์ เฟซบุ๊ก กิจกรรมการตลาด และการส่งเสริมการขายที่โชว์รูมและการตลาดเฉพาะท้องถิ่นในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
รวมถึงการสร้างกระแสและเติมสีสันด้วยภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ที่ดึง 2 พรีเซนเตอร์ทั้งเป้-อารักษ์ อมรศุภศิริ และณเดชน์ คูกิมิยะ มาอยู่ในภาพยนตร์โฆษณาชุดเดียวกันเป็นครั้งแรกของวงการโฆษณาภายใต้ชื่อชุด "I'm watching you" ด้วยความยาว 30 วินาที มุ่งถ่ายทอดบุคลิกภาพ และสไตล์การใช้ชีวิตที่โดดเด่นของพรีเซนเตอร์ทั้ง 2 คน ได้อย่างชัดเจน พร้อมแนะนำความใหม่ที่ใส่เพิ่มเติมความสปอร์ต และความหรูกันแบบเต็มขั้น และทั้งพรีเซนเตอร์ทั้งสองก็จะร่วมกิจกรรมการตลาดของมาสด้าไปตลอดทั้งปี
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น