*ธุรกิจไอทีไทยปรับกลยุทธ์รับตลาดฟื้นตัว
* คอมพ์แนวโน้มสินค้าดีดราคาสูงขึ้น
* พรินเตอร์อัตราการเติบโตยังไปได้สวย
* อีเวนต์ใหญ่ยังเป็นตัวกระตุ้นกำลังซื้อ
ตลาดสินค้าไอทีปี 2555 กำลังกลายเป็นที่จับตามองว่าจะมีการเติบโตขนาดไหน สินค้าใดจะเป็นตัวชูโรงแห่งปี ที่สำคัญในฝั่งของผู้บริโภคต้องคำนึงถึง “ราคา” เพราะเป็นปัจจัยที่จะกระทบต่อเงินในกระเป๋าอย่างแน่นอน
“แนวโน้มสินค้าไอทีราคาดีดตัวสูงขึ้นแน่นอน”
นั่นคือมุมความเห็นของ วีระ อิงค์ธเนศ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสวีโอเอ จำกัด(มหาชน)
นอกจากนี้การเติบโตของสินค้าประเภทสมาร์ตโฟนและแท็บเลต ที่มีการแข่งขันกันสูงมากในปัจจุบัน ทำให้ความต้องการเครื่องคอมพิวเตอร์และโน้ตบุ๊กน้อยลงไป
ส่วนทิศทางตลาดไอทีโดยภาพรวมนั้น ขึ้นอยู่กับว่าวางสินค้าประเภทสมาร์ตโฟนและแท็บเลตอยู่ฝั่งไหน จะอยู่ในส่วนของไอที หรืออยู่ในส่วนของโมบายโฟน หากอยู่ในส่วนของตลาดไอที น่าจะทำให้สามารถเติบโตได้อีก 20 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าหากนำสมาร์ตโฟนและแท็บเลต ไปอยู่ในกลุ่มโมบายโฟน ตลาดไอทีปีหน้าก็จะไม่เติบโตเลย
รวมถึงนโยบายของภาครัฐ เช่นการที่จะแจกแท็บเลตโรงเรียน จะทำให้ผู้บริโภครอดูสถานการณ์และยังไม่ตัดสินใจที่จะซื้อ เพื่อจะรอได้แท็บเลตฟรี เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกับตลาดโดยรวมในปีหน้า
สถานการณ์เปลี่ยน
ทำธุรกิจปรับกลยุทธ์
เอสวีโอเอตั้งเป้าหมายสำหรับปี 2555 ว่าจะเติบโตขึ้นประมาณ 5-10 เปอร์เซ็นต์ ส่งผลให้เอสวีโอเอจะขยายใน 2 ธุรกิจหลักคือ หนึ่ง ส่วนธุรกิจช่องทางการจัดจำหน่าย ด้วยการเป็นตัวแทนจำหน่ายและกระจายสินค้าไอทีแบรนด์ต่างๆ ให้มากขึ้น โดยการนำสินค้าจากแบรนด์อื่นๆ มาจัดจำหน่าย โดยปัจจุบันเอสวีโอเอได้สิทธิ์เป็นตัวแทนจำหน่ายให้กับ 15 แบรนด์ดัง และล่าสุดได้สิทธิ์การเป็นตัวแทนจำหน่ายของซัมซุง ในการจำหน่ายสินค้าไอทีเกือบทุกชนิด
การเดินเกมของเอสวีโอเอจะยังคงเจรจาและเสนอให้ผู้ผลิตสินค้าไอทีทุกแบรนด์ เชื่อมั่นว่าเอสวีโอเอมีศักยภาพในการจำหน่ายสินค้าไอทีได้ดี โดยตั้งเป้าหมายที่จะก้าวไปเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดช่องทางการจัดจำหน่ายและการบริการ
ส่วนที่สองคือธุรกิจบริการหลังการขาย เอสวีโอเอมีทีมเซอร์วิสที่คอยให้คำปรึกษาและบริการประมาณ 300 กว่าคน โดยรับงานบริการให้ลูกค้าได้ทุกแบรนด์ที่เป็นเซอร์วิสโพรไวเดอร์ที่เข้ามาในประเทศไทยทั่วประเทศ
เอสวีโอเอยังมีการปรับกลยุทธ์ในการทำตลาดผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยเครื่องคอมพิวเตอร์ แบรนด์ “SVOA” นั้น จะไม่เข้าไปทำตลาดในส่วนของโน้ตบุ๊ก แต่จะเน้นไปที่ตลาดเดสก์ทอปมากกว่า เพราะมองว่าตลาดในส่วนนี้ยังคงโตได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งเน้นในส่วนของการทำตลาดคอนซูเมอร์และระบบราชการให้มากขึ้น นอกจากนี้ยังเจาะเข้าไปในส่วนของเวอร์ทิเคิลมาร์เกต เช่น ธุรกิจอินเทอร์เน็ตไอ-คาเฟ่ หรือเกมเมอร์มาร์เกต ที่ยังคงมีอัตราเติบโต และมีช่องทางการทำตลาดอย่างต่อเนื่อง
วีระ บอกว่า ทิศทางของตลาดไอทีในปีหน้านั้น ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์หลายๆ แบรนด์จะเน้นเครื่องคอมพิวเตอร์พีซีระดับไฮเอนด์มากขึ้น รวมถึงผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ยังคงมุ่งผลิตเครื่องโน้ตบุ๊กราคาสูงเป็นหลักในไตรมาสแรก ส่วนไตรมาสที่ 2 และ 3 จะมีสินค้าไอทีคุณภาพปานกลาง และราคาไม่สูงมากนัก เริ่มกลับเข้าสู่ตลาดมากขึ้น โดยผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์และมอเตอร์ จะเริ่มผลิตตามไลน์การทำงานได้อย่างปรกติ
“คอมมาร์ต” กระตุ้น
ตลาดไอทีไทยปีหน้า
ค่ายเออาร์ไอพียังมั่นใจว่าการจัดงาน “คอมมาร์ต” จะเป็นตัวกระตุ้นตลาดไอที พร้อมกับเชื่อว่าจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้านต่างๆ คาดว่าในช่วงไตรมาสแรกของปี 2555ตลาดไอทีจะเริ่มฟื้นตัวอีกครั้ง ซึ่งก็ตรงกับการจัดงาน คอมมาร์ต ไทยแลนด์ 2012 ที่จะจัดขึ้นในเดือนมีนาคม 2555 พอดี
“เราจัดคอมมาร์ตมายาวนานกว่า 10 ปี จัดติดต่อกัน 29 ครั้ง ซึ่งถือว่ามากที่สุดในประเทศไทย” ปฐม อินทโรดม กรรมการบริหาร และผู้จัดการทั่วไป บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) กล่าว
หากหันกลับมาดูถึงแผนทางธุรกิจของเออาร์ไอพีในปี 2555 บทบาทของเออาร์ไอพีจะขยายไปสู่การเป็น Campaign Organizer ที่มุ่งตอบสนองความต้องการด้านการตลาดของลูกค้า ที่จะมีลักษณะเป็นแคมเปญย่อยและไม่ต่อเนื่อง ให้สามารถทำงานสอดคล้องกันได้ตลอด นับตั้งแต่ขั้นตอนการรับรู้ตราสินค้าไปสู่ขั้นตอนการทำโปรโมชั่นและการขาย ซึ่งเออาร์ไอพีได้เปรียบตรงที่มีสื่อและอีเวนต์ครอบคลุมทุกด้าน
เออาร์ไอพียังวางแผนที่จะรุกตลาดการจัดอีเวนต์เพิ่มมากขึ้น นอกเหนือจากงาน คอมมาร์ต ยังมีโอกาสที่จะจัดงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 1 งาน ในปี 2555 และตั้งใจที่จะรับจัดงานนิทรรศการให้กับภาครัฐเพิ่มขึ้นนอกเหนือจากงานนิทรรศการของกระทรวงอุตสาหกรรม ที่จะจัดขึ้นในงาน บีโอไอ แฟร์ 2011 ในเดือนมกราคม 2555
เออาร์ไอพียังเตรียมแผนการรักษาความเป็นผู้นำในสื่อสิ่งพิมพ์ด้านไอที จากความพร้อมในการพัฒนาสื่อดิจิตอลซึ่งกำลังมีบทบาทสำคัญ เพื่อให้ธุรกิจมีความหลากหลายและครบวงจรมากยิ่งขึ้น ตลอดจนการตอบสนองไลฟ์สไตล์ และความต้องการของผู้บริโภคในยุคดิจิตอล
เออาร์ไอพีจึงมีแผนที่จะรุกเข้าสู่สถานีข่าวไอทีของไทยอย่างเต็มรูปแบบ รวมทั้งการเพิ่มการลงทุนในธุรกิจออนไลน์ ซึ่งอยู่ในระหว่างการเจรจากับบริษัทพันธมิตร การขยายช่องทางการสื่อสารผ่านธุรกิจทีวี ร่วมกับบริษัท สแพลช อินเตอร์แอ็คทีฟ จำกัด ภายใต้ชื่อ Tech TV Thailand โดยหวังให้เป็นสื่อทีวีออนไลน์ และเคเบิลทีวีในอนาคต พร้อมทั้งการทำตลาดนิตยสารออนไลน์ (e-book) ร่วมกับ AIS book Store โดยตั้งเป้าการเป็นผู้นำธุรกิจสื่อครบวงจรในอนาคต
เชื่อตลาดพรินเตอร์ไปได้สวย
ในฝั่งของตลาดพรินเตอร์นั้น ค่ายบราเดอร์ยังเชื่อว่าตลาดยังเติบโตได้เป็นอย่างดี ทำให้ต้องมีการวางแผนการตลาดเพื่อให้ผลิตภัณฑ์โดนใจตลาดมากที่สุด
ธีรวุธ ศุภพันธุ์ภิญโญ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายและการตลาด บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด บอกว่า สถานการณ์โดยรวมของธุรกิจไอทีเมืองไทยได้กลับเข้าสู่ภาวะปรกติ เมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน 2554 ที่ผ่านมา
บราเดอร์เชื่อว่าภาพรวมของธุรกิจไอที โดยเฉพาะตลาดพรินเตอร์ในปี 2554 จะยังสามารถเติบโตได้แม้จะมีผลกระทบจากด้านต่างๆ ทำให้ตลาดพรินเตอร์น่าจะมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 5% ส่วนธุรกิจของบราเดอร์เองนั้นคาดว่าทุกส่วนธุรกิจยังรักษาการเติบโตได้กว่า 10%
สำหรับภาพรวมธุรกิจไอทีในปี 55 นั้น ธีรวุธ ศุภพันธุ์ภิญโญ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายและการตลาด บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวว่า ปี 2555 น่าจะเป็นปีทองของโลกไร้สาย (Wireless) ที่เน้นในเรื่องของ Connectivity กับสินค้าไอทีต่างๆ อาทิ สมาร์ตโฟน ไอเพด แท็บเลตต่างๆ นอกเหนือจากตัว Wireless Wi-Fi แล้วก็คิดว่าตัว Cloud Printing จะเป็นอีกเทรนด์ที่มาแรงเช่นกัน โดยแต่ละแบรนด์จะเน้นแข่งขันที่นวัตกรรมและฟังก์ชั่นเป็นหลัก ในส่วนของพรินเตอร์เองก็ต้องยึดถือการนำเสนอสินค้าตามเทรนด์ดังกล่าวเช่นกัน
ที่มาโดย ผู้จัดการ 360° รายสัปดาห์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น