ตื่นทองระวังเจ็บตัวฟองสบู่แตก!

นักลงทุนผวาเศรษฐกิจโลกเสี่ยงถดถอย โยกเงินลงทุนทองอีกครั้ง ดันทองแท่งในประเทศ ทะลุ 2.6 หมื่นบาท ลงทุน 7 เดือนครึ่ง ให้กำไรเฉียด 30% ทองโลกพุ่ง 1,866 ดอลล์ นักวิเคราะห์มองเสี่ยงฟองสบู่ ให้ราคาเหมาะปัจจัยพื้นฐาน 1,818 ดอลล์ ร้านทองเห็นต่าง นักลงทุนแค่โยกเงิน แต่เตือนอย่าโหนกระแสซื้อในภาวะขาขึ้น

ราคาทองคำในตลาดโลกทะยานขึ้นทุบสถิติใหม่อีกแล้วเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ที่ผ่านมา โดยแกว่งตัวในกรอบ 1,821.20 - 1,866.15 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนช์ ส่วนราคาทองคำในประเทศทะลุ 26,000 บาทต่อบาททอง จากกระแสความวิตกกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกทวีความรุนแรงขึ้น หลังมอร์แกน สแตนเลย์ เตือนว่าเศรษฐกิจทั่วโลกมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะถดถอย


ราคาทองคำที่ปรับขึ้นทะลุแนวต้านครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้นักวิเคราะห์และผู้ค้าทองออกมาเตือนนักลงทุนถึงความเสี่ยง และเริ่มมีการพูดถึงภาวะฟองสบู่ทองคำกันบ้างแล้ว
โดยนายวิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ทรีนีตี้ จำกัด กล่าวว่า ทองคำมีโอกาสเข้าใกล้ภาวะฟองสบู่ได้หากราคาปรับขึ้นเกิน 1,830-1,850 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ ซึ่งสูงกว่าราคาตามมูลค่าพื้นฐาน ขณะที่เมื่ออิงจากสินทรัพย์อื่นๆแล้วราคาทองคำควรจะอยู่ที่ 1,818 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์เท่านั้น
นายณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เปิดเผยว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ถือว่าเป็นภาวะฟองสบู่ทองคำ เป็นเพียงการโยกเม็ดเงินลงทุน เพราะทองคำแตกต่างจากตลาดหุ้น เนื่องจากมีตลาดรองรับมากพอสมควร โดยเฉพาะทองคำแท่ง หากภาวะตลาดหุ้นปรับตัวดีขึ้น นักลงทุนก็จะทยอยขายทองคำ และหันกลับเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้น
สำหรับทิศทางราคาทองคำในตลาดโลกยังคงเป็นขาขึ้นระยะยาว โดยให้แนวรับแรกที่ 1,800 ดอลลาร์สหรัฐฯ และแนวรับต่อมาที่ 1,775 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,850 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ และเชื่อว่า ปลายปี 2554 จะเห็นระดับราคาที่ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำในประเทศจะอยู่ที่บาทละ 28,000-28,500 บาท
นายณัฐพงศ์ กล่าวกรณีที่บริษัท ตลาดอนุพันธ์(ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน)(ทีเฟค) ปรับเพิ่มอัตราหลักประกัน(มาร์จิน)สัญญาซื้อขายล่วงหน้าอ้างอิงราคาทองคำ หรือโกลด์ฟิวเจอร์ส ประมาณ 20-30% และเริ่มใช้เมื่อวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมานั้น ในเชิงเทคนิคถือเป็นการลดอำนาจการซื้อ หรือการเก็งกำไรในโกลด์ ฟิวเจอร์ส
อนึ่งทีเฟคได้เพิ่มหลักประกันการลงทุนในโกลด์ ฟิวเจอร์ส ขนาด 50 บาททองคำ จาก 47,500 บาทต่อสัญญา มาเป็น 62,700 บาทต่อสัญญา (เพิ่มขึ้น 15,200 บาท)และโกลด์ฟิวเจอร์สขนาด 10 บาททองคำ จาก 9,500 บาทต่อสัญญา มาเป็น 12,540 บาทต่อสัญญา (เพิ่มขึ้น 3,040 บาท)
นายธนรัชต์ พสวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์สฯ แนะนำนักลงทุนว่า อย่าซื้อทองตามกระแสในช่วงราคาขึ้น ให้รอราคาปรับฐานก่อน เพราะที่ผ่านมาราคาทองขึ้นมาตลอด อย่างไรก็ตามในระยะยาวประเมินว่าราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นได้อีก โดยประเมินแนวรับไว้ที่ระดับ 1,800 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ และแนวต้านที่ 1,850 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์
สำหรับผลตอบแทนจากการลงทุนทองคำแท่งในประเทศจากต้นปีถึงปัจจุบัน โดยอ้างอิงจากราคาทองคำที่แกว่งตัวขึ้นไปสูงถึงบาทละ 26,050 บาท เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ที่ผ่านมา (ระยะเวลาการลงทุน 7 เดือนครึ่ง) พบว่าให้ผลตอบแทนสูงถึง 29.6% และถือว่าสูงกว่า 15.01% เมื่อเทียบกับต้นเดือนสิงหาคม
ที่มาจากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,663 21- 24 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ไม่มีความคิดเห็น: