จูลี่ มิสไทยแลนเวิลด์ 2011 ออมเงินได้ใช้ เห็นคุณค่าของที่ซื้อ

"การออมเงินนั้นถือว่ามีประโยชน์และมีคุณค่ามาก โดยส่วนตัวแล้ว "จูลี่" จะได้รับการปลูกฝั่งจากคุณพ่อ และคุณแม่มาตั้งแต่ยังเด็ก ให้เรารู้จักเก็บออมกับกระปุกออมสินเมื่อเต็มแล้วท่านก็จะพาเราไปฝากเงินที่ธนาคาร หรืออีกกรณีหนึ่งคือ การออมเพื่อซื้อสิ่งของที่เราอยากได้ เพื่อที่เราจะได้เห็นคุณค่ากับของที่เราซื้อ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ดีที่ได้รับการสั่งสอนมาตั้งแต่เด็ก ๆ"

มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2001 "จูลี่ - พัชริดา รอดคงคา" เธอเป็นลูกครึ่งไทย-อังกฤษ
ที่สามารถชนะใจกรรมการในการประกวดครั้งนี้ และเมื่อเธอได้เดินทางมาขอบคุณสื่อถึงที่
"คอลัมน์เจาะพอร์ตคนดัง" ไม่รอช้าที่จะเข้าไปจับเธอมาร่วมพูดคุยถึงการบริหารเงินรางวัลที่ได้มากว่า 6 ล้านบาท

“จูลี่” ได้บอกับเราว่า รางวัลที่ได้ 6 ล้านบาท แบ่งเป็นสด 1 ล้านบาท ,มงกุฎเพชร 1.2 ล้านบาท ,รถยนต์นิสัน คิวบ์ มูลค่า 1.69 ล้านบาท ,ทาวน์โฮมพร้อมที่ดิน โครงการเคซี คลัสเตอร์ รามอินทรา มูลค่า 1.5 ล้านบาท


และที่เหลือเป็นกิ๊ฟวอยเชอร์ต่าง ๆ
โดยเงินรางวัลที่ได้ในครั้งนี้ "จูลี่" บอกว่า จะแบ่งเงินส่วนหนึ่งไปช่วยเหลือด้านการศึกษาให้กับเด็ก ๆ โดยเฉพาะเด็กกำพร้า เพราะมองว่าการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยให้เด็กมีความคิด แยกแยะสิ่งที่ดีไม่ดีได้ในอนาคต ส่วนที่เหลือตอนนี้ยังไม่ได้คิดทำอะไรแต่มีแผนไว้ว่าจะเก็บฝากไว้กับธนาคารเพื่อที่จะไปศึกษาต่อ หรืออาจจะเปิดธุรกิจเล็ก ๆ เป็นของตัวเอง

"ตอนนี้จูลี่เรียนหนังสืออยู่ที่ FASHION DESIGN RAFFLES INTERNATIONAL DESIGN (สถาบันการออกแบบนานาชาติราฟเฟิลส์) ชั้นปีที่ 1 ด้านการออกแบบแฟชั่น และอยากที่จะเรียนต่อด้านนี้ หรือในอนาคตอยากที่จะเปิดร้านเสื้อผ้าด้วย เพราะเป็นคนชอบแต่งตัว และดูแนวแฟชั่น ๆ เพื่อมาดัดแปลง นอกจากนี้แล้ว ความฝันในอนาคตยังอยากที่ก้าวเข้าสู่วงการบันเทิง และเดินแบบด้วย"

"มิสไทยแลนเวิลด์2011"บอกต่ออีกว่า การรู้จักบริหารพอร์ตของเราให้มีระบบระเบียบ จะทำให้อนาคตของเรามีการวางแผนมากยิ่งขึ้น อย่างเช่น ถ้าเราอยากที่จะซื้อรถยนต์ ซื้อบ้าน หรือต้องการสร้างครอบครัว เป็นต้น และถ้าเรามีความตั้งใจจริงมันจะทำให้เราประสบความสำเร็จได้มาอย่างภาคภูมิใจ
"จูลี่" บอกเพิ่มเติมอีกว่า การออมเงินนั้นถือว่ามีประโยชน์และมีคุณค่ามาก โดยส่วนตัวแล้ว "จูลี่" จะได้รับการปลูกฝั่งจากคุณพ่อ และคุณแม่มาตั้งแต่ยังเด็ก ให้เรารู้จักเก็บออมกับกระปุกออมสินเมื่อเต็มแล้วท่านก็จะพาเราไปฝากเงินที่ธนาคาร หรืออีกกรณีหนึ่งคือการออมเพื่อซื้อสิ่งของที่เราอยากได้ เพื่อที่เราจะได้เห็นคุณค่ากับของที่เราซื้อ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ดีที่ได้รับการสั่งสอนมาตั้งแต่เด็ก ๆ
"ตอนช่วงอายุประมาณ 11 - 12 ปี ตอนอยู่ที่ประเทศอังกฤษ เป็นช่วงที่หารายได้ให้กับตัวเองได้เป็นครั้งแรก เนื่องจากว่าคุณป้ามีร้านอาหารไทยที่นั้น และเราได้มีโอกาสเข้าไปช่วยเสิร์ฟบ้าง รับโทรศัพท์บ้าง ทำให้มีรายต่อวันตกเป็นเงินไทยแล้วอยู่ที่ประมาณ 2,000 บาทในช่วงนั้น ทำให้เรารู้สึกดีใจมาก เงินที่หาได้ก็นำเก็บไว้เป็นเซฟวิ่งหมดในตอนนั้น"

สำหรับวันว่างหลังจากเรียนเสร็จ "จูลี่" มักจะชอบไปเดินเล่นที่สยาม เซ็นทรัลเวิลด์ หรือจตุจักร เพราะเราเรียนด้านการออกแบบแฟชั่น ดังนั้นเราต้องออกไปดูสิ่งใหม่ ๆ ที่วัยรุ่น หรือมีแฟชั่นใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นมาบ้าง เพื่อที่จะได้มีการพัฒนางานของเราให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
"จูลี่" บอกเพิ่มเติมเกี่ยวกับการประกวดครั้งนี้อีกว่า ตอนแรกรู้สึกท้อมาก เพราะน้ำหนักตัวในตอนนั้นอยู่ที่ 66 กิโลกรัม ซึ่งการพยายามในครั้งนี้ทำให้เรามีความตั้งใจจริงภายใน 1 เดือน ลดลงมาเหลือเพียง 56 กิโลกรัม มันได้สอนให้เรารู้ว่า ถ้าเราตั้งใจจะทำอะไรแล้วทุกอย่างย่อมทำได้เสมอ เพราะการประกวดครั้งนี้ถือว่าเราเป็นคนเดียวที่ประกวดเป็นเวทีแรกด้วย และได้ตำแหน่งมาเลย ซึ่งทางครอบครัว โดยเฉพาะคุณแม่จะให้กำลังเรามากในตอนนั้น

สุดท้าย "จูลี่" ฝากบอกว่า ไม่ว่าภาวะเศรษฐกิจจะดีหรือไม่ดีเราก็ไม่ควรที่จะออมเงินและงดใช้จ่ายของฟุ่มเฟือยบ้าง เพราะในวันข้างหน้าเกิดเหตุฉุกเฉินที่จำเป็นต้องใช้เงินขึ้นมามันจะเป็นการป้องกันความเสี่ยงได้ ซึ่งเราต้องบอกตัวเองเสมอ ๆ ว่าต้องใช้จ่ายอย่างประหยัด เพื่ออนาคตจะได้ไม่ลำบาก และยิ่งตอนนี้ด้วยแล้วภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกไม่ค่อยดี การลงทุนอะไรก็ต้องมีความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น
//////////////////////////////
ชื่อ - นามสกุล พัชริดา รอดคงคา (จูลี่)
วันเดือนปีเกิด 15 มกราคม 2534
การศึกษา กำลังศึกษาปริญญาตรีชั้นปี 1
ที่ FASHION DESIGN RAFFLES INTERNATIONAL DESIGN
ผลงานปัจจุบัน มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2011
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์



ไม่มีความคิดเห็น: