คอนโดหรูใจกลางเมืองเริ่มฟื้นตัว

คอนโดหรูใจกลางเมืองเริ่มฟื้นตัว โบรกเกอร์อสังหาฯ ระบุตลาดคอนโดหรูส่งสัญญาณฟื้นตัว รับการเมืองนิ่ง เปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หลังซบนาน 3 ปี

นายปฏิมา จีระแพทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เปิดเผยว่าตลาดคอนโดมิเนียมหรูระดับราคา 2 แสนบาท ต่อตร.ม.ขึ้นไป
ได้ส่งสัญญาณฟื้นตัวอีกครั้งหลังที่ซบเซานานเกือบ 3 ปี หลังจากสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศที่มีทิศทางดีขึ้น ประกอบกับการใกล้เปิดประชาเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 มีกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติที่ทำงานในฮ่องกงและสิงคโปร์ ได้เข้ามาซื้อมากขึ้น รวมถึงเมืองไทยมีจุดแข็งแรงการท่องเที่ยวที่หลากหลาย


“ตลาดคอนโดหรู เริ่ม กลับมาเป็นที่ต้องการของชาวต่างชาติ โดยเฉพาะในแถบเอเชียด้วยกัน เนื่องจากราคามีราคาขายต่ำกว่าหลายประเทศในภูมิภาคอาเซียน คุ้มค่าเงินในการซื้อ เช่น ฮ่องกงราคาขายอยู่ที่ 5 แสนบาท-2 ล้านบาทต่อตร.ม. สิงคโปร์ 3 แสนบาท -1.7 ล้านบาทต่อตร.ม. เป็นต้น” นายปฏิมากล่าว

อย่างไรก็ตามวิธีการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทย นั้นยังมีจุดอ่อนคือ เรื่องวิธีการกู้เงินสำหรับชาวต่างชาติ สิทธิการเช่าระยะสั้นและการถือครองกรรมสิทธิ์ในที่ดิน รวมไปถึงปัญหาการเมือง

นางสุพินท์ มีชูชีพ กรรมการผู้จัดการ โจนส์ แลง ลาซาลล์ กล่าวว่า แม้ว่า คอนโดมิเนียมระดับท็อปเอ็นด์จะเป็นตลาดที่มีฐานแคบ และไม่สามารถใช้เป็นดัชนีชี้วัดภาพรวมของตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ ได้ทั้งหมด แต่มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ โดยพบว่าตลาดมีผลประกอบการที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง ความต้องการจากผู้ซื้อต่างชาติแม้จะยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่เริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้นหลังการเลือกตั้ง ผ่านไปด้วยดี นอกจากนี้ แรงซื้อจากผู้ซื้อชาวไทยยังคงมีต่อเนื่อง โดยพบว่า การซื้อคอนโดมิเนียมระดับท็อปเอ็นด์ที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ ส่วนใหญ่เป็นการซื้อโดยชาวไทยผู้มีฐานะดี ทั้งที่ซื้อเพื่ออยู่เองและที่ซื้อเพื่อการลงทุน

ทั้งนี้โครงการคอนโดมิเนียมระดับท็อปเอ็นด์ที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ มียอดการขายเฉลี่ยราว 85% ในขณะที่โครงการที่เปิดตัวใหม่ ที่เปิดการขายก่อนก่อสร้างหรือกำลังอยู่ระหว่างก่อสร้าง มียอดขายเฉลี่ยราว 50% ซึ่งนับเป็นยอดการขายที่ค่อนข้างดี เมื่อพิจารณาจากปริมาณอุปทาน หรือซัพพลายที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างมากในช่วงปีที่ผ่านๆ มา

ปัจจุบันโครงการคอนโดมิเนียมระดับท็อปเอ็นด์ในโครงการที่สร้างเสร็จแล้วในเขตใจกลางธุรกิจ(ซีบีดี)ของกรุงเทพฯ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นกว่าหนึ่งเท่าตัว คือจากสิ้นปี 2549 ที่มีจำนวนรวม 10,324 ยูนิต ได้ขยับเพิ่มขึ้นเป็น 21,464 ยูนิตในปัจจุบัน และขณะนี้กำลังอยู่ในการก่อสร้างอีก 3,867 ยูนิต ซึ่งมีกำหนดแล้วเสร็จในช่วงระหว่างนี้ถึงสิ้นปี 2556

ในช่วง 3 ปีที่ผ่าน คอนโดมิเนียมระดับท็อปเอ็นด์ในโครงการที่สร้างเสร็จแล้วบางโครงการมีราคาปรับขึ้นถึงราว 40% ในขณะเดียวกัน โครงการที่เปิดตัวใหม่เมื่อเร็วๆ นี้ มีราคาเสนอขายอยู่ระหว่าง 1.9 แสนบาท – 2.3 แสนบาทต่อตร.ม. เทียบกับปี 2553 ซึ่งราคา ณ ช่วงเปิดโครงการอยู่ระหว่าง 1.5 แสนบาท – 2 แสนบาทต่อตร.ม. ทั้งนี้ โครงการที่ตั้งอยู่ในทำเลชั้นดีของย่านซีบีดี อาทิ เพลินจิต วิทยุ หลังสวน ศาลาแดง และสาทร มีราคาขายสูงสุด เนื่องจากเป็นทำเลที่มีที่ดินเหลือน้อยมากสำหรับการพัฒนาโครงการใหม่

ขณะที่แรงซื้อที่ยังคงมีเข้ามาเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ราคาขยับขึ้นได้ ต้นทุนที่สูงขึ้นในการพัฒนาโครงการ ซึ่งหลักๆ ได้แก่ ต้นทุนราคาที่ดินและค่าก่อสร้าง เป็นปัจจัยที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่ผลักดันให้ราคาคอนโดมิเนียมขยับเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ส่วนแผนของรัฐบาลในการปรับค่าจ้างแรงงานรายวันขั้นต่ำขึ้นเป็น 300 บาท จะทำให้ต้นทุนการก่อสร้างเพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และมีผลทำให้ราคาคอนโดเนียมโครงการใหม่ต้องปรับเพิ่มขึ้นตาม ทั้งนี้ มีผู้ประกอบการส่วนหนึ่งออกมาคาดการณ์ว่า การปรับค่าแรงขั้นต่ำตามแผนของรัฐฯ จะทำให้ราคาคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ขยับเพิ่มขึ้น 5-7%

“แม้การปรับลดลงของราคาน้ำมันจากมาตรการหยุดเรียกเก็บเงินชดเชยเข้ากองทุนน้ำมัน จะส่งผลให้ต้นทุนการขนส่งลดลง แต่ยังไม่มีหลักประกันว่าค่าวัสดุก่อสร้างจะปรับตัวลง นอกจากนี้ หากแผนการปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็นจริง ย่อมมีผลต่อต้นทุนของผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างด้วยเช่นกัน”นางสุพินท์กล่าว

ที่มา posttoday


ไม่มีความคิดเห็น: