หรือการขอคำแนะนำส่วนตัวจากที่ปรึกษาเฉพาะทาง และสำหรับเรื่องเงินๆ ทองๆ ก็เช่นเดียวกันที่ไม่ควรมองข้าม เพราะการมีที่ปรึกษาด้านการเงินมืออาชีพจะช่วยให้การบริหารการจัดการเงินสะดวกและง่ายยิ่งขึ้น ล่าสุดธนาคารเอชเอสบีซีจึงได้จัดเวิร์คช็อปแนะเคล็ดลับบริการจัดการการเงิน ในงานบิวดิ้ง อะ ไลฟ์ วิธเอ้าท์ บอนดารียส์ เพื่อแนะนำเคล็ดลับการบริหารการจัดการเงินที่ดีผ่านการร่วมสนุกพร้อมพูดคุยกับคนรุ่นใหม่ถึงการออมส่วนตัว
ด้าน "ปิ๊บ" รวิชญ์ เทิดวงส์ อาจารย์สอนศิลปะ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ กล่าวว่า ตั้งแต่มีลูกก็ต้องมีการวางแผนทางการเงินมากขึ้น เพราะเรามีค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้นทั้งที่ใช้ภายในครอบครัวแบะวางแผนสำหรับอนาคตทางการศึกษาของลูก
"ปกติผมจะบริหารการเงินโดยกันเงินไว้ส่วนหนึ่งสำหรับการใช้จ่ายหมุนเวียนภายในครอบครัว อีกส่วนหนึ่งนำวางแผนทางการเงินหรือลงทุนให้งอกเงยมากขึ้น เพราะยุคนี้ไม่เหมือนสมัยก่อนที่จะรอรับดอกเบี๊ยจากธนาคารเพียงอย่างเดียว ดังนั้นเราควรต้องทำให้เงินงอกเงยเพื่อวางรากฐานที่มั่นคงสำหรับอนาคตของครอบครัว ยิ่งถ้าหากมีที่ปรึกษาด้านการเงินระดับมืออาชีพมาให้คำปรึกษา ให้ข้อมูล และ แนะนำให้เราเลือกลงทุนในสิ่งที่เหมาะสมกับตนเอง ยิ่งถือว่ายอดมากทีเดียว" อาจารย์สอนศิลปะ ให้คำแนะนำ
ส่วนคุณแม่ลูกหนึ่ง "ตู๋ตี๋" นัทธนุช วงศ์พัวพันธุ์ กล่าวว่า ส่วนตัวไม่เคยบริหารจัดการเงินด้วยตัวเองเลย จะมีคนคอยช่วยดูแลให้ตลอด เพราะว่าจะยุ่งกับการทำงานงานดีไซน์เป็นหลัก รวมไปถึงการดูแลลูกที่ยังเล็ก จึงทำให้ไม่มีเวลาซึ่งการมาร่วมเวิร์คช็อปในวันนี้ทำให้มองเห็นว่าทางบริหารเงินด้วยตนเองนั้นเป็นเรื่องสำหคับย และยิ่งถ้ามีที่ปรึกษาด้านการเงินมืออาชีพคอยแนะนำด้วยแล้ว ถือเป็นไอเดียที่มีมาก เพราะเขาจะมาช่วยดูแลเงินและแนะนำว่าเราควรเอาเงินไปลงทุนอะไร ให้เพิ่มพูนได้อย่างไรบ้างซึ่งเป็นการบริการที่ดีสำหรับคนที่ไม่ค่อยชำนาญด้ารการบริหารเงิน และไม่ค่อยมีเวลา อีกทั้งยังช่วยเหลือเพิ่มเติมได้อีกเวลาที่เดินทางไปต่างประเทศ ทั้งในเรื่องของการเปิดบัญชีในต่างแดน โอนเงิน หรือ กรณีบัตรสูยหาย ซึ่งช่วยให้เราอุ่นใจมาก
"เคล็ดลับการบริหารเงินแบบง่าย เริ่มจากตั้งคำถามกับตัวเองก่อนว่าแต่ละเดือนจะมีเงินเหลือเก็บก่อย ค่อยเอาไปใช้ หรือเหลือจ่ายก่อนค่อยเอาไปเก็บ คือ รายได้-เงินออม = รายจ่าย(เหลือเก็บ ค่อยเอาไปใช้) รายได้-รายจ่าย=เงินออม (เหลือจ่าย ค่อยเอาไปเก็บ) สมการออมเงินที่ดี ต้องเป็นแบบแรก คือ หักเงินออมไว้ก่อน ที่เหลือจึงนำไปใช้จ่ายเพื่อกันเงินสำหรับการเก็บออมอย่างสม่ำเสมอในแต่ละเดือน แต่สำหรับคนที่มองหาความมั่งคั่ง สมการแบบนี้ก็ยังไม่เพียงพอ ต้องเลือกใช้สมการเศรษฐี นั่นคือ รายได้-เงินออม-เงินลงทุน = รายจ่าย โดยหลังหักเงินออมแล้ส ยังต้องแบ่งเงินส่วนหนึ่งไว้สำหรับลงทุนด้วย เพื่อให้เงินทำงาน เงินทองจะได้งอกเงยยิ่งๆ ขึ้นไป" ผอ.บริหาร ฝ่ายลูกค้ารายย่อยและธนบดีธนกิจ ธนาคารเอชเอสบีซี ฯ ให้คำแนะนำปิดท้าย
ที่มา คมชัดลึก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น