นายสมเชาว์ ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง เปิดเผยว่า แนวโน้มราคาที่อยู่อาศัยในช่วง 4-5 เดือนหลังจากนี้ คาดว่าหลายบริษัทจะมีการปรับขึ้นประมาณ 5-7%
หากมีการประกาศขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท ซึ่งกระทบต้นทุนก่อสร้างทั้งหมด เนื่องจากค่าจ้างแรงงานคิดเป็นสัดส่วน 30-33% ของต้นทุนก่อสร้าง
นอกจากนี้ การปรับขึ้นราคาที่อยู่อาศัยยังเป็นไปตามภาวะเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มสูงขึ้นด้วย ซึ่งหลังจากนี้คงต้องจับตาดูนโยบายการคุมเงินเฟ้อของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่าจะมีทิศทางอย่างไรที่จะไม่ให้เงินเฟ้อสูงขึ้นเร็วเกินไป
สำหรับมาตรการรับมือกับต้นทุนก่อสร้างในระยะสั้น คงทำได้เพียงปรับราคาบ้าน แต่ระยะยาว ผู้ประกอบการส่วนใหญ่คงต้องหันมาใช้ระบบการก่อสร้างสำเร็จรูปมากขึ้น เพื่อลดการใช้แรงงานและคุมต้นทุนก่อสร้าง
ปัจจุบันแม้ว่าบริษัทจะไม่ได้ใช้ระบบก่อสร้างสำเร็จรูปทั้งหมด เพราะตลาดบ้านระดับ 5 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งเป็นตลาดหลักของบริษัท ยังไม่ยอมรับการใช้งานก่อสร้างแบบสำเร็จรูป บริษัทจึงปรับตัวด้วยการใช้วัสดุก่อสร้างสำเร็จรูปบางส่วนในการลดต้นทุน
ทั้งนี้ บริษัทอสังหาริมทรัพย์และบริษัทรับสร้างบ้านหลายรายได้ปรับราคาบ้านสร้างใหม่ขึ้นไปล่วงหน้า หลังจากประเมินว่ารัฐบาลจะประกาศขึ้นค่าจ้าง 300 บาท โดยได้คิดต้นทุนใหม่ที่เผื่อการขึ้นค่าจ้างและราคาวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวขึ้นไปกับราคาบ้านใหม่เรียบร้อยแล้ว
นายสมเชาว์ กล่าวว่า ด้านแผนการลงทุน บริษัทได้เปิดตัว 4 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 3,200ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยวที่พัทยาเหนือ มูลค่า 585 ล้านบาท บ้านฟ้าปิยรมย์ โครงการที่ 11 มูลค่า 750 ล้านบาท โครงการกาญจนาภิเษก-ปิ่นเกล้า มูลค่า 800 ล้านบาทและโครงการโฮมออนกรีน ธัญธานี มูลค่า 1,000 ล้านบาท
ที่มาโพสทูเดย์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น