ประกันโตแรงตั้งแต่ต้นปี 2 เดือนแรกเบี้ยกระฉูด ฟันธงตลาดแข่งเดือด ทุกค่ายโหมหนักชิงเค้กเบี้ยก้อนโต ชี้สินค้า "คุ้มครอง-ออมเงิน" ออกตัวแรง ส่วนตัวแทนเป็นฮีโร่ขายกรมธรรม์ใหม่
ทิศทางตลาดประกันชีวิตที่เติบโตได้ค่อนข้างดี โดยล่าสุดสมาคมประกันชีวิตไทยได้ประกาศผลการขยายตัวของประกันชีวิตในช่วง 2 เดือนแรกปีนี้ พบว่ามีเบี้ยรับรวมทั้งสิ้น 56,986 ล้านบาท ขยายตัว 19.3% โดยแบ่งเป็นเบี้ยใหม่ (เบี้ยปีแรกรวมกับเบี้ยชำระครั้งเดียว) ทั้งสิ้น 16,594 ล้านบาท เติบโต 26.5% และเบี้ยต่ออายุ 40,392 ล้านบาท เติบโต 17% มีอัตราการคงอยู่กรมธรรม์ถึง 92%
"สิ่งที่เห็น คือ คนไทยตอบรับกับประกันชีวิตดีขึ้นมาก ทั้งสินค้าที่หลากหลายโดยเฉพาะแบบประกันออมทรัพย์ระยะสั้น รวมถึงปัจจัยเศรษฐกิจก็มีผลอยู่บ้างต่อการขยายตัวของประกันชีวิตเช่นกัน ที่ผ่านมา ธุรกิจนี้ผ่านช่วงที่ดอกเบี้ยเป็นขาขึ้นและขาลงมาหมดแล้ว ธุรกิจต่าง ๆ เริ่มรู้ว่าจะปรับตัวและปรับสินค้าอย่างไร การทำตลาดในปีนี้ก็น่าจะยิ่งแข่งขันกันมากขึ้น เพราะตลาดขยายตัวได้ดี ซึ่งปัจจุบันก็ยังประเมินตามสมาคมประกันชีวิตไทยที่คาดการณ์เบี้ยจะขยายตัว 15%" นายสาระกล่าว
เช่นเดียวกับนายประกิตติ บุณยเกียรติ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร ตัวแทนประกันชีวิต บริษัท อเมริกันอินเตอร์แนชชั่นแนลแอสชัวรันส์ จำกัด สาขาประเทศไทย (เอไอเอ ประเทศไทย) กล่าวว่า ในต้นปีนี้ เอไอเอออกตัวได้ดีเช่นกัน โดยช่องทางตัวแทนสามารถสร้างเบี้ยได้ถึง 2,500 ล้านบาท โดยเฉพาะในเดือน ก.พ. ที่ตัวแทนสามารถสร้างเบี้ยได้ถึง 1,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าการขยายตัวที่ดีน่าจะยังคงมีต่อเนื่องไปสู่ไตรมาส 2 ซึ่งเอไอเอ ประเทศไทยได้เริ่มแผนการพัฒนาตัวแทนระบบใหม่สร้าง "premier agent" ซึ่งเป็นโครงสร้างที่ใช้กับเอไอเอ
ทั่วเอเชีย เป็นระบบในการให้ผลตอบแทนที่ดี รวมถึงผลตอบแทนทางอาชีพในลักษณะที่คล้ายกับเงินเดือน เพื่อยกระดับให้ตัวแทนอยู่ในอาชีพนี้ได้อย่างสม่ำเสมอ และเป็นส่วนที่สนับสนุนการเติบโตของเอไอเอด้วย
ส่วนนายสุทธิ รจิตรังสรรค์ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการขยายตัวที่ดีมากของเบี้ยประกันในช่วง 2 เดือนแรก มาจากการที่ประชาชนเริ่มเข้าใจและเห็นประโยชน์ของการทำประกันชีวิต เพื่อรองรับความเสี่ยงในอนาคตที่อาจเกิดภัยธรรมชาติที่ไม่คาดคิดได้ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายตอบโจทย์ผู้บริโภคแต่ละกลุ่ม สอดคล้องกับช่องทางขายที่เข้าถึงลูกค้าแต่ละกลุ่มได้กว้างขึ้น
ขณะเดียวกันปัจจัยการสนับสนุนจากภาครัฐเองที่ต้องการให้ประชาชนออมเงินระยะยาวและการออมเงินเพื่อเกษียณอายุ ก็จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีนั้น เป็นอีกหนึ่งปัจจัยเสริมที่ดี
ขณะที่นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กล่าวว่า ข้อมูลการขายประกันชีวิตในเดือน ม.ค. พบว่าช่องทางตัวแทนยังคงเป็นช่องทางหลักคิดเป็นสัดส่วน 81% ของกรมธรรม์ใหม่ทั้งหมด รองลงมาคือ แบงก์แอสชัวรันซ์ที่ขายกรมธรรม์ใหม่ได้ประมาณ 12% การขายผ่านช่องทางโทรศัพท์ 6% และช่องทางอื่น ๆ อีก 1%
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น